ถึงมิตรและผู้อุปการะมูลนิธิดวงประทีป
นับเป็นเวลาเกือบ 5
เดือนแล้วที่ครูประทีปต้องเดินทางออกจากประเทศไทย
เพียงเพราะครูประทีปออกไปเรียกร้องให้รัฐบาลใช้สันติวิธีในการแก้ไขปัญหา
หยุดฆ่าประชาชน แต่ผลคือครูประทีปถูกประกาศจับตัวและถูกอายัดทรัพย์
สาเหตุที่ครูออกไปเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดใช้ความรุนแรง
เพราะจากการทำงานกับเด็กและคนจน
ครูประทีปเข้าใจดีว่าเด็กที่เป็นกำพร้าขาดพ่อ ขาดแม่
เค้าจะมีปัญหาในชีวิตมากมายเพียงใด
และผู้บาดเจ็บที่ครูไปเยี่ยมตามโรงพยาบาลในช่วงเดือนเมษายน พฤษภาคม
ที่ต้องกลายมาเป็นคนพิการไปตลอดชีวิต
เขาและครอบครัวจะต้องเผชิญกับความยากลำบากเพียงใด
หลายคนที่โดนกระสุนปืนเขาไม่ได้ไปชุมชนเขาเดินทางไปทำงาน หรือไปซื้ออาหาร
ประกอบกับครูประทีปต้องทำงานให้กับUN.
ในฐานะเป็นกรรมการกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อทาสยุคใหม่ (Board
Member of the United Nations Voluntary Trust fund on Contemporary Forms
of Slave) ครูประทีปจึงเดินทางไปติดตามงานให้ UN.
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ในประเทศไทยยังมีการประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน
ซึ่งให้อำนาจรัฐบาลทำอะไรกับใครอย่างไรก็ได้ โดยไม่ต้องใช้กฎหมายปรกติ
ครูประทีปจึงเดินทางไปพักกับสามีและลูกชายคนเล็กที่ประเทศญี่ปุ่น
เมื่อปลายเดือนสิงหาคม และต้นกันยายน
ครูประทีปเดินทางไปรับรางวัลฮีโร่สิทธิเด็กแห่งทศวรรษ
ของมูลนิธิรางวัลสิทธิเด็กโลก ณ ประเทศสวีเดน ซึ่งพระราชินี ซิลเวีย
เสด็จมาเป็นประธาน พระราชทานรางวัลพร้อมช่อดอกไม้ให้เป็นกำลังใจ
ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดจากเด็กๆ ทั่วโลกให้เป็นฮีโร่ สิทธิเด็กแห่งทศวรรษ
คืออดีตประธานาธิบดี แห่งประเทศแอฟริกาใต้ คุณเนลสัน แมนคาร่า และคุณกราซ่า
มาแชล 2 สามีภรรยาผู้ต่อสู้เพื่อสิทธิเด็กและประชาธิปไตย
หลังจากรับพระราชทานรางวัลแล้ว ครูประทีปได้รับเชิญไปบรรยายในโรงเรียนต่างๆ
ของประเทศสวีเดน มีชาวสวีเดนสนใจงานของมูลนิธิดวงประทีป
ถึงกับจะก่อตั้งองค์กรเพื่อหาการสนับสนุนมาให้เด็กๆ
ถึงแม้ว่าครูจะไม่ได้อยู่ในประเทศไทย แต่ก็ยังช่วยทำงานให้มูลนิธิดวงประทีป
และมูลนิธิสิกขาเอเชีย โดยใช้ระบบเทคโนโลยี เช่น Skype และ Internet
ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจ
และยังให้การสนับสนุนแก่มูลนิธิฯและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อรัฐบาลไทยยก
เลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉินแล้วเราคงได้พบกันที่ประเทศไทย
ประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ
21 กันยายน 2553